ความเสี่ยงในการใช้งานสติ๊กเกอร์ผิดคุณสมบัติ
แม้ว่าในปัจจุบันนั้น ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสติ๊กเกอร์จะมีมากมายมหาศาลก็ตาม จนบางครั้ง ไม่สามารถตัดสินใจเลือกได้ว่า ต้องการจะนำวัสดุประเภทใดมาใช้งาน ซึ่งนั่นก็คือปัญหาของฝั่งเจ้าของสินค้า แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไปนัก เพราะทางร้านสติ๊กเกอร์ก็สามารถเลือกและตัดสินใจแทนเราที่เป็นเจ้าของสินค้าได้อีกด้วยว่า ควรเป็นสติ๊กเกอร์ประเภทไหนกันดีที่มีความเหมาะสมในการนำมาใช้งาน ซึ่งตรงนี้ “คำว่าเหมาะสม” ถ้าจะให้ตีความแล้วเข้าใจง่าย ๆ นั่นก็คือ “ใช้งานตรงตามคุณสมบัติ” และเมื่อนั้น เราก็จะได้อานิสงค์ในการใช้งานที่เกิดประโยชน์จริง ๆ กระทั่ง มาถึง ในกรณีที่เลือกวัสดุผิดวัตถุประสงค์ในการนำมาใช้งาน จะมีข้อเสียเรื่องอะไร ติดตามพร้อมกันค่ะ
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อการนำมาใช้งานนั้นผิดคุณสมบัติและวัตถุประสงค์
สติ๊กเกอร์กระดาษกับงานภายนอก
ซึ่งคำว่า “งานภายนอก” ในที่นี้ หมายถึง สถานที่นอกอาคาร หรือ เป็นส่วนเสริมในส่วนของอาคาร เช่น ประตู หน้าต่าง ซึ่ง งานภายนอก เป็นอีกหนึ่งงานที่มีความเป็นไปได้สูงที่ต้องเผชิญกับสภาวะความร้อน ความชื้น ในแต่ละวันที่ไม่เท่ากัน ดังนั้น เมื่อเรานำวัสดุที่ไม่มีศักยภาพมาใช้งาน หรือเป็นการพิมพ์สติ๊กเกอร์ ราคาถูก โดยการเลือกวัสดุประเภทกระดาษมาใช้งานแทนวัสดุอีกประเภท ที่ได้ในเรื่องทนความชื้นมากกว่า โดยลืมไปว่า คุณสมบัติของสติ๊กเกอร์กระดาษ ทนความชื้นได้ค่อนข้างน้อยมาก เมื่อไหร่ก็ตามที่นำมาใช้กับงานภายนอกทุกประเภทที่ไม่ได้มีเพียงแค่การตกแต่ง หากหมายรวมถึงป้ายสติ๊กเกอร์ขนาดใหญ่ ในรูปแบบป้ายเตือน ป้ายเฝ้าระวัง หรือป้ายจราจร โอกาสที่ลวดลายและข้อความบนสติ๊กเกอร์เสื่อมสภาพจนไม่สามารถสื่อสารได้ จะมีค่อนข้างสูงมากกว่าค่ะ และเมื่อนั้น แสดงว่า ป้ายดังกล่าว ไม่สามารถใช้ประโยชน์ร่วมจนกระทั่งนำพาความเสียหายมาสู่ผู้พบเห็นได้อีกด้วยค่ะ
สั่งสติ๊กเกอร์ผิดวัตถุประสงค์ทำให้เสียเวลา
การนำสติ๊กเกอร์มาใช้งานอย่างไม่ตรงวัตถุประสงค์ นอกเหนือจากทำให้ภาพลักษณ์ของทางร้านหรือสินค้าเสียหายแล้ว เรายังเสียในเรื่องของเวลาอีกด้วยนะคะ ความหมายนั่นก็คือ อายุการใช้งานสติ๊กเกอร์ที่สั้นลงมา ทำให้บางครั้ง เราต้องพิมพ์สติ๊กเกอร์เอง เพื่อนำมาใช้งานใหม่ หรือในบางราย ให้ร้านสติ๊กเกอร์ผลิตสติ๊กเกอร์เพื่อนำมาติดลงบนบรรจุภัณฑ์หรือเพื่อการตกแต่งเสียใหม่ทั้งที่ตั้งใจไว้แต่แรกว่า ต้องการจะประหยัดเวลา ทว่า พอใช้งานจริง กลับใช้ได้เพียงชั่วคราวก็ต้องสั่งผลิตอีกครั้งซึ่งเป็นเรื่องเสียเวลาค่ะ
เลือกวัสดุไม่เหมาะสมทำให้สิ้นเปลืองงบ
เป็นผลลัพธ์มาจากเวลาที่เสียไปในการสั่งผลิตสติ๊กเกอร์ขึ้นมาใหม่ ซึ่ง เราก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มค่ะ แทนที่จะเลือกวัสดุเหมาะสมตรงการใช้งานจริง ๆ กลับต้องเลือกวัสดุใหม่ กระทั่งส่งผลเกิดการจ่ายเงินซ้ำซ้อนในเวลาเดียวกัน ซึ่งก็คง ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอกค่ะ ทางออกเดียวที่ดีนั่นก็คือ เลือกวัสดุที่ใช่ ตั้งแต่คราวแรก แล้วผลลัพธ์ที่ได้มานั้น จะคุ้มค่าเกินราคาค่ะ
พิมพ์สติกเกอร์ มาใช้งาน หลักเกณฑ์ในการเลือกมีเพียง 3 ประการเท่านั้น นั่นก็คือ ความสวยงาม การโปรโมทสินค้า และ อายุการใช้งาน ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตาม ที่เราเลือกสติ๊กเกอร์ถูกต้อง ตรงตามวัตถุประสงค์รวมถึงคุณสมบัติ นั่นหมายถึง ประโยชน์ที่จะได้รับมหาศาลจากการนำสติกเกอร์มาใช้ประโยชน์ จนบางครั้ง อาจจะถือได้ว่า สติ๊กเกอร์ที่ดีนั้น คือตัวแทน เจ้าของสินค้า ส่งมอบความปรารถนาดีผ่านลวดลายและตัวอักษรที่ปรากฏบนชิ้นงานฉลากสินค้า เรียกได้ว่า เป็นสิ่งที่เจ้าของสินค้าทุกคนต้องมีก็ว่าได้ค่ะ